ทัตนแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน คือ ทันตแพทย์ที่ต้องได้รับการศึกษาทางด้านการจัดฟันโดยเฉพาะอย่างน้อย 2-3 ปี ซึ่งจะเป็นการศึกษาเพิ่มเติมจากการเรียนในระดับชั้นปริญญาตรี 6 ปี รวมแล้วทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันต้องเรียนทั้งหมด อย่างน้อย 8-9 ปี เพื่อให้มีความรู้ที่ลึกซึ้งและมากพอที่จะทำการจัดฟันให้คนไข้ได้ โดยที่ในระหว่างที่ทำการศึกษาเฉพาะทางจัดฟัน ทันตแพทย์สามารถรับจัดฟันให้คนไข้ได้ ในกรณีที่ปัญหาโครงสร้างฟันไม่ซับซ้อน
โดยในปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยที่เป็นสอนทันตกรรมเฉพาะทางจัดฟัน 5 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยสงขลา และในแต่ละมหาวิทยลัยจะรับทันตแพทย์เข้าศึกษาต่อปีละไม่เกิน 10 ท่านเท่านั้น แต่นอกจากนี้แล้วยังมีคอร์สอบรมการจัดฟัน ที่เรียกว่า การศึกษาจัดฟันนอกระบบ ซึ่งเป็นการเปิดรับทันตแพทย์ที่ต้องการทำงานด้านทันตกรรมจัดฟัน หลักสูตรที่ใช้สอนบางแห่งมีการเรียนการสอนที่คล้ายคลึงกับการเรียนในมหาวิทยาลัยของรัฐ บางแห่งก็แตกต่างออกไป ขึ้นอยู่กับเจ้าของสถาบันนั้นๆ แต่โดยส่วนใหญ่แล้วจะสอนแต่ภาคทฤษฏีไม่มีการลงศึกษาตัวอย่างคนไข้ภาคสนาม
ทำไมเราต้องจัดฟันกับแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน
ทันตกรรมจัดฟัน เป็นหนึ่งในสาขาทันตกรรมที่มีความซับซ้อน ละเอียดอ่อนและใช้เวลานานในการจะทำให้โครงสร้างฟันของคนไข้เปลี่ยนไปเป็นรูปแบบที่ถูกต้องเหมาะสมได้ ดังนั้นการจะจัดฟันเราต้องเลือกทำกับแพทย์เฉพาะทางจัดฟันเท่านั้น เพราะเนื่องจากในปัจจุบันมีทันตแพทย์ทั่วไปจำนวนมากแอบอ้าง อาศัยความเป็นทันตแพทย์ที่มีใบประกอบโรคศิลป์ หรือทันตแพทย์ประเภทที่เข้ารับการอบรมคอร์สสั้นๆ ไม่กี่เดือน แล้วก็ออกมารับจัดฟันให้คนไข้ โดยที่ไม่มีความรู้เรื่องการจัดฟันอย่างเพียงพอ ปัญหาที่ตามมานอกจากจะวินิจฉัยและแก้ปัญหาการสบฟันให้คนไข้ไม่ถูกต้องแม่นยำแล้ว บางครั้งยังอาจสร้างความเสียหายให้กับโครงสร้างฟันของคนไข้ได้ด้วย
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าทันตแพทย์ท่านไหนเป็นทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน
การตรวจสอบนอกจากสอบถามและดูใบประกอบโรคศิลป์ของทันตแพทย์แล้ว ทางที่ดีที่สุดคือการเข้าไปตรวจสอบรายชื่อทันตแพทย์จัดฟันเฉพาะทางได้ที่เว็บไซต์ของสมาคมทันตแพทย์จักฟันแห่งประเทศไทย โดยจะมีการอัพเดทรายชื่ออยู่เสมอ แต่ทันตแพทย์ที่อยู่ในระหว่างการยื่นเรื่องสอบ รายชื่อจะยังไม่ขึ้น ก็ควรจะสอบถามจะทันตแพทย์โดยตรง
ความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นหากไม่ได้จัดฟันกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน
ความเสี่ยงจะเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่การวินิจฉัย เพราะความรู้ที่ไม่มากพออาจจะทำให้การวินิจฉัยคลาดเคลื่อน เมื่อทำการจัดฟันเข้าไป ปัญหาการสบฟันของคนจะได้รับการรักษาที่ไม่ถูกต้อง ผลการรักษาไม่เป็นไปตามที่แพทย์วางไว้ หรืออาจจะเพิ่มปัญหาฟันของคนไข้ให้มากขึ้นกว่าเดิม ทางแก้ไขเมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว สามารถทำได้ แต่มีความซับซ้อนและยุ่งยาก รวมทั้งยังต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกด้วย
ปัญหาฟันแบบไหนที่ต้องทำการจัดฟัน
จัดฟัน สามารถแก้ปัญหาได้ที่กับฟันและขากรรไกรที่อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกต้องได้ ซึ่งจะก่อนให้เกิดปัญหาต่างๆ อาทิ การทำความสะอาดที่ไม่ทั่วถึง ความเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันก่อนวันอันควรเนื่องมาจากฟันผุและโรคเหงือก รวมทั้งยังสามารถแก้ปัญหาการกดทับต่อกล้ามเนื้อที่ใช้ในการบดเคี้ยวซึ่งสามารถทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ อาการปวดที่ข้อต่อขากรรไกร คอ ไหล และหลังได้ นอกจากนี้ยังช่วยเสริสร้างบุคลิกภาพในรอยยิ้มให้แก่คนไข้ได้ด้วย โดยปัญหาฟันที่ควรจะได้รับการแก้ไข มีดังนี้
- ฟันบนยื่น หรือฟันล่างยื่น โดยจะมีอาการฟันล่างหรือบนยื่นออกมาข้างหน้ามากกว่าปกติ
- ฟันกัดคร่อม เป็นอาการที่ฟันบนไม่สามารถขบฟันล่างได้พอดี หรือมีลักษณะขบกันแบบไขว้
- ฟันสบเปิด เป็นอาการที่เมื่อขบฟัน จะไม่สามารถปิดได้สนิท จะมีช่องเปิด ทำให้กัดอาหารลำบาก
- ฟันห่าง เป็นอาการที่มีช่องว่างระหว่างฟัน ที่เกิดมาจากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นฟันที่ขึ้นไม่เต็ม ฟันหลุด
- ฟันกัดเบี้ยว เป็นอาการที่จะทำให้จุดศูนย์กลางของฟันบนและฟันล่างไม่ตรงกัน
- ฟันซ้อน เป็นอาการที่มีฟันขึ้นมากเกินไป จนเกิดเกทับซ้อนกัน และมักจะมีซอกฟันที่ไม่สามารถทำความสะอาดได้ทั่วถึง
ทันตกรรมจัดฟัน จำเป็นต้องทำกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันเท่านั้น เพราะการจัดฟันนั้นมีหลายวิธีที่จะช่วยให้คนไข้โครงสร้างที่สวยงาม แต่มีวิธีการและความซับซ้อนในการจัดระเบียบกล้ามเนื้อและขากรรไกรเป็นอย่างมาก รวมทั้งเครื่องมือที่ใช้จัดมีหลากหลายประเภทมีทั้งแบบติดถาวรและแบบถอดได้ หลายประเภทการจัดฟันต้องใช้ความละเอียดอ่อน ความเชียวชาญและความสามารถของทันตแพทย์รวมด้วย แม้ว่าความรุนแรงของปัญหาฟันของคุณจะเป็นตัวตัดสินว่าวิธีการจัดฟันแบบใดจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่ประสบการณ์และความรู้ของแพทย์ก็มีส่วนสำคัญไม่แพ้กันเลย หลายต่อหลายเคสที่จัดฟันแล้วเกิดปัญหาการเรียงตัวของฟันที่ไม่เหมาะสม เคี้ยวอาหารไม่ได้ ซึ่งการมาแก้ที่หลังนอกจากคนไข้จะเจ็บตัวแล้ว ยังเสียเงินเสียเวลาเพิ่มด้วย ดังนั้นการเลือกจัดฟันกับทันตแพทย์เฉพาะทางจึงเป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง และปลอดภัยต่อสุขภาพช่องปากของเราที่สุด