โรคเหงือก (Gingivitis) เป็นการอักเสบของเหงือกที่สามารถพัฒนาไปเป็นการติดเชื้อที่กระดูกที่ยึดติดฟันและบริเวณใกล้เคียง ซึ่งโรคเหงือกนั้นเกิดจากน้ำลายที่ฉาบบนผิวฟันเมื่อมารวมกับเศษอาหารทำให้มีเชื้อแบคทีเรียซึ่งเป็นเหมือนฟิล์มที่ใสที่มาเกาะอยู่บนตัวฟัน หกไม่มีการทำความสะอาดทุกวันอย่างเหมาะสม คราบแบคทีเรียก็จะสะสมและปล่อยสารพิษที่จะทำลายเนื้อเยื่อของเหงือก และเกิดอาการเหงือกอักเสบได้
อาการของโรคเหงือก
โรคนี้สามารเกิดขึ้นได้กับทุกคน ทุกวัย แต่มักจะพบมากในวัยผู้ใหญ่ ซึ่งหากตรวจพบในช่วงอาการระยะแรกจะสามารถรักษาให้หายได้ โดยจะมีอาการดังนี้
- เหงือกแดงและบวม
- ระหว่างแปรงฟันหรือขัดฟันเหงือกมีเลือดออก
- มีอาการเหงือกร่น ซึ่งจะทำให้ฟันดูยาวขึ้น
- เมื่อเคี้ยวอาการฟันมีการขยับเขยื้อน
- มีหนองไหลออกมาจากบริเวณร่องเหงือก
- มีกลิ่นปากหรือรสชาติแปลกๆ ในปาก
ระยะของอาการโรคเหงือก
- อาการเหงือกอักเสบ ที่มีสาเหตุจากคราบหินปูนที่ผิวของฟันนี้ เป็นอาการเริ่มต้นของโรคเหงือก แม้ว่าการแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำลายคราบแบคทีเรียได้ แต่ไม่สามารถกำจัดได้ทั้งหมด ซึ่งเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้มักจะทำให้เกิดการระคายเคืองและมีเลือดออกขณะแปรงฟัน ซึ่งในระยะนี้สามารถรักษาให้หายได้ ด้วยการไปพบทันแพทต์เพื่อขูดหินปูน เนื่องจากกระดูกและเนื้อเยื่อยังไม่ถูกทำลายไป
- อาการปริทันต์ (Periodontitis) หรือโรคเยื่อหุ้มฟันอักเสบ ในระยะนี้ กระดูกและเส้นใยที่คอยยึดฟันไว้จะถูกทำลายไปแล้ว ร่องเหงือกจะกลายเป็นโพร่งที่เศษอาหารและหินปูนเข้าไปสะสม
- อาการปริทันต์ขั้นรุนแรง ในระยะนี้ ฟันจะมีอาการโยก เพราะกระดูกและเส้นใจที่คอยยึดฟันไว้ได้ถูกทำลายไปแล้ว หากไม่ได้รับการรักษาจะเป็นสาเหตุของกลิ่นปาก มีหนองไหลออกมาจากร่องเหงือก และอาจจะต้องถอดฟันทิ้ง
สาเหตุของการเกิดโรค
โรคเหงือกอักเสบ เป็นโรคที่เกือบทุกคนเป็น แต่จะมีอาการมากบ้างน้อยบางแตกต่างกันออกไป เพราะโรคนี้ เป็นปฏิกิริยาที่ร่างกายตอบสนองต่อเชื้อแบคทีเรียที่สะสมรอบๆ ตัวฟัน แต่สาเหตุหลักๆ ของโรคเหงือกอักเสบมีดังนี้
- เชื้อแบคทีเรีย ในช่องปากของเราคนมีเชื้อแบคทีเรียอยู่เป็นจำนวนมาก ประมาณ 200-300 ชนิด และในน้ำลายของเรามีธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัสอยู่ เมื่อมีสะสมเป็นเวลานานก็จะกลายเป็นหินปูนเกาะตามฟัน หากทำความสะอาดฟันไม่ดีพอ แบคทีเรียจะเข้าไปยึดติดกับหินปูนเหล่านั้น แล้วปล่อยสารพิษออกมาทำให้เหงือกอักเสบ
- คราบหินปูน หรือเรียกว่าหินน้ำลาย เกิดจากการที่แร่ธาตุในน้ำลายเข้าไปรวมตัวคราบจุลินทรีย์จนเกิดเป็นคราบแข็ง ซึ่งความแข็งของหินปูนสามารถทิ่มตำเหงือกจนเกิดอาการอักเสบได้
- การสูบบุหรี่ โดยมีผลการศึกษามาแล้วว่าคนที่สูบบุหรี่มีความเสี่ยงเป็นโรคเหงือกอักเสบมากกว่าผู้ที่ไม่สูบถึง 4-6 เท่า
- ปัจจัยทางพันธุกรรม มีการศึกษาพบว่าร้อยละ 30 ของผู้ป่วยโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ เกิดจากปัจจัยทางพันธุกรรม
- ยาบางชนิด เมื่อรับประทานนานๆ จะทำให้เกิดเหงือกอักเสบ เช่น ยาลดความดัน, ยาเม็ดคุมกำเนิด, ยาต้านอาการซึมเศร้า, ยาระงับชัก และยาโรคหัวใจ
- การขาดสารอาหาร จำพวก แคลเซียม วิตามินซี วิตามินบี
- โรคเบาหวาน และข้ออักเสบ ผู้ป่วยโรคนี้จะมีความเสี่ยงเป็นโรคเหงือกอักเสบและโรคปริทันต์ได้มากกว่าคนทั่วไป
- ความสะอาดของช่องปาก มีผลอย่างยิ่งต่อการเกิดโรคเหงือกอักเสบ ไม่ว่าจะเป็นการแปรงฟันไม่สะอาด การไม่ได้รับการขูดหินปูนเป็นเวลานาน
- การติดเชื้อ ซึ่งเชื้อที่ทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบได้แก่ เชื้อไวรัส, เชื้อรา และแบคทีเรียเช่น เชื้อเริม
ขั้นตอนการรักษา
ในระยะเริ่มแรก การรักษาจะสามารถทำได้ด้วยการแปรงฟันให้สะอาดและการใช้ไหมขัดฟัน เพื่อช่วยเบื้องต้นไม่ให้เกิดคราบแบคทีเรียสะสมเพิ่มขึ้น แต่จำเป็นต้องให้ทันตแพทย์กำจัดคราบหินปูนที่แข็งตัวออกจากฟันและร่องเหงือก แต่หากเป็นในระยะมากๆ มีหนองไหลออกมาจากร่องเหงือก อาจต้องทำการผ่าตัดเหงือก เพื่อลดความลึกของร่องปริทันต์ แต่หากตรวจพบว่าอวัยวะปริทันต์ถูกทำลายไปมากแล้ว มีอาการปวดบวมของเหงือกอย่างรุนแรง การรักษาแพทย์อาจจะต้องถอนฟันซี่นั้นออก ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว โรคนี้เมื่อเป็นแล้วมักจะเป็นกับฟันหลายๆ ซี่ จึงส่งผลให้อาจสูญเสียฟันเป็นจำนวนมาก
การป้องกันโรคเหงือกอักเสบ
การดูแลความสะอาดช่องปากอย่างถูกต้อง เป็นการป้องกันพื้นฐานของโรคเหงือกอักเสบ เพราะการแปรงฟันที่มีประสิทธิภาพสามารถกำจัดคราบจุลินทรีย์ที่เป็นต้นเหตุของโรคออกไปได้ซึ่งควรแปรงวันละ 2 ครั้ง เช้าและก่อนนอน และควรใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันด้วย นอกจากนี้แล้วจึงควรไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจดูสุขภาพช่องปากและขูดหินปูนเป็นประจำด้วย
โรคเหงือกอักเสบ เป็นโรคใกล้ตัวที่บางครั้งผู้ที่เป็นจะไม่รู้ตัวว่ากำลังเป็นอยู่ จนกระทั้งระยะของโรคลุกล่ามบานปลายจนกลายเป็นโรคปริทันต์ ผู้ป่วยบางรายอาจจะต้องเสียฟันไปหลายซี่ หรืออาจมีการติดเชื้อรุนแรงอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้ ดังนั้นการป้องกันด้วยการดูแลช่องปากอย่างถูกวิธี แปรงฟันให้สะอาดอย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคเหงือกอักเสบได้