ทันตกรรมจัดฟัน (Orthodontic Dentistry) เป็นการเคลื่อนฟันไปยังตำแหน่งที่เหมาะสม โดยอาศัยเครื่องมือที่มีหลากหลายชนิด รวมทั้งยังแก้ไขอาการผิดปกติในการบดเคี้ยว การเปลี่ยนแปลงหรือแก้ไขการเจริญเติบโตที่ผิดปกติของขากรรไกร เพื่อให้ระบบการบดเคี้ยวทำงานได้อย่างสมบูรณ์ ลดความเสี่ยงต่อการสูญเสียฟันก่อนเวลาอันสมควร ช่วยจัดเรียงฟันให้เป็นระเบียบ และยังเพื่อให้เกิดความสวยงามด้วย ซึ่งสามารถทำได้ตั้งแต่เด็กที่ฟันแท้ยังขึ้นไม่ครบ จนถึงผู้ใหญ่ที่ฟันแท้ขึ้นมาครบแล้ว หรือแม้กระทั้งคนที่ใส่ฟันปลอมอยู่ แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะอยู่ในช่วงอายุ 10-14 ปี เนื่องจากร่างกายกำลังอยู่ในช่วงเจริญเติบโต สามารถเคลื่อนฟันได้ง่าย

ทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน

การจัดฟัน มีขั้นตอนที่ระเอียดอ่อนและซับซ้อนอย่างมาก ตั้งแต่การวินิจฉัยการสบฟันจนกระทั้งขั้นตอนการใส่เหล็ก ดังนั้น การจัดฟัน จำเป็นต้องได้รับการรักษาโดยทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันเท่านั้น ซึ่งความหมายของทัตนแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน คือ ทันตแพทย์ที่ต้องได้รับการศึกษาทางด้านการจัดฟันโดยเฉพาะอย่างน้อย 2-3 ปี ซึ่งจะเป็นการศึกษาเพิ่มเติมจากการเรียนในระดับชั้นปริญญาตรี 6 ปี รวมแล้วทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟันต้องเรียนทั้งหมด อย่างน้อย 8-9 ปี โดยในปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยที่เป็นสอนทันตกรรมเฉพาะทางจัดฟัน  5 แห่ง ได้แก่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยมหิดล, มหาวิทยาลัยขอนแก่น, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยสงขลา และในแต่ละมหาวิทยาลัยจะรับทันตแพทย์เข้าศึกษาต่อปีละไม่เกิน 10 ท่านเท่านั้น

ผู้ที่ต้องเข้ารับการจัดฟัน 

การจัดฟัน จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อเป็นการวินิจฉัยจากแพทย์เท่านั้น โดยการตรวจสุขภาพช่องปาก แบบพิมพ์ฟัน และภาพเอ็กซเรย์ ซึ่งปัญหาที่จำเป็นต้องได้รับการจัดฟันมีดังนี้

  • ฟันบนยื่น เป็นลักษณะ ฟันบนยื่นออกมาข้างหน้ามาก จนเกือบบดบังฟันล่าง
  • ฟันล่างยื่น เป็นลักษณะ ฟันล่างยื่นออกมาข้างหน้ามาก จนเกือบบดบังฟันบน
  • ฟันกัดคร่อม เป็นลักษณะฟันบนไม่สามารถขบได้พอดีกับฟันล่าง
  • ฟันสบเปิด เป็นลักษณะ มีช่องว่างระหว่างฟันบนและฟันล่างเมื่อขนฟันเข้าหากัน
  • ฟันกัดเบี้ยว เป็นลักษณะ จุดศูนย์กลางของฟันบนกับฟันล่างไม่ตรงกัน
  • ฟันห่าง เป็นลักษณะ มีช่องว่างระหว่างฟัน
  • ฟันซ้อน เป็นลักษณะ ฟันที่ขึ้นมามากเกินไปจนเกทับกัน

ขั้นตอนการจัดฟัน

  1. เข้ามารับคำปรึกษา ซึ่งแพทย์จะทำการตรวจเบื้องต้นและแนะแนวทางว่าต้องมีการถอนฟันรวมด้วยรึเปล่า หรืออาจจะไม่ต้องถอนฟันเลย ซึ่งขั้นตอนนี้แพทย์จะจัดการให้เรา x-ray และพิมพ์ฟัน เพื่อตรวจดูโครงสร้างศีรษะ
  2. ทันตแพทย์จะทำการเคลียร์ช่องปาก ด้วยการ อุดฟัน รักษาฟันผุ ขูดหินปูน ผ่าฟันคุด รักษารากฟัน ทันตแพทย์จะตรวจดูปัญหาต่างและรักษาจนเสร็จวิ้นเสียก่อน
  3. ทันตแพทย์จะนัดใส่ยางแยกฟัน โดยต้องใส่ไว้ประมาณ 1 สัปดาห์
  4. เมื่อครบกำหนดแพทย์จะนัดมาเพื่อติดเครื่องมือ
  5. หลังจากนั้นแพทย์จะนัดเดือนละ 1 ครั้ง เพื่อมาเปลี่ยนยางรัด (ในกรณีที่จัดฟันแบบมียางรัด) และปรับเครื่องมือ โดยฟันจะค่อยๆ เคลื่อนตัวเดือนละประมาณ 1 มม.
  6. ทันตแพทย์จะปรับโครงสร้างของฟันตามแผนที่วางเอาไว จนกระทั้งฟันอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แพทย์ก็จะถอดเครื่องมือออก แล้วทำความสะอาดฟัน ขูดหินปูน และจัดการพิมพ์ฟันเพื่อทำรีเทนเนอร์ ซึ่งเป็นเครื่องมือคงสภาพฟันให้เราไว้ใส่ตามคำแนะนำของแพทย์

ประเภทของการจัดฟัน

การจัดฟัน สามารถแบ่งได้หลายประเภทตามลักษณะเครื่องมือและตำแหน่งที่ติด ดังนี้

  1. การจัดฟันแบบติดแน่น

ซึ่งเป็นการจัดฟันที่เครื่องมือจัดฟันจะติดแน่น คนไข้ไม่สามารถถอดออกเองได้ โดยเครื่องมือนี้จะเรียกว่า แบรคเกต (Bracket) มีข้อดีที่สามารถเคลื่อนฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแบบอื่นๆ และสามารถแก้ปัญหาฟันได้ทุกชนิด โดยสามารถแบ่งออกเป็นอีกหลายชนิดดังนี้

  • แบรคเกตโลหะ เป็นอุปกรณ์ที่ประกอบด้วยโลหะที่มีคุณภาพ มีหลักการในการเคลื่อนฟันโดยการใช้ยางเป็นตัวรัดลวดที่ติดกับแบรคเกต เมื่อลวดถูกดึงให้แน่น จะเกิดแรงในการเคลื่อนที่ต่อฟัน ซึ่งทันตแพทย์จะนัดเปลี่ยนยางทุกๆ 1 เดือน เพื่อเคลื่อนฟันให้ได้ตำแหน่งที่เหมาะสม
  • แบรคเกตแบบสีเหมือนฟัน ใช้หลักการทำงานเดียวกับแบรคเกตโลหะ แต่เปลี่ยนจากวัสดุโลหะมาใช้วัสดุที่เป็นเซรามิก ทำให้มองไม่ค่อยออกว่ามีการจัดฟัน
  • แบรคเกตโลหะเปิดปิดได้ (ดามอน) โดยแบรคเกตนี้จะมีบานล็อคเปิดและปิดแทนการใช้ยางดึง ทำให้คนไข้ไม่เจ็บมากในการเคลื่อนฟันแต่ละครั้ง รวมทั้งการเคลื่อนฟันทำได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งมีทั้งแบบเป็นโลหะและแบบสีเหมือนฟัน
  • แบรคเกตโลหะแบบจัดด้านใน เหมาะสำหรับคนไข้ที่อยากจัดฟัน แต่ไม่อยากให้คนรอบข้างสังเกตเห็น ซึ่งจะทำได้โดยการติดเหล็กจัดฟันแบบโลหะไว้ด้านใน ซึ่งออกแบบมาเฉพาะตามลักษณะของฟันแต่ละซี่
  1. การจัดฟันแบบถอดได้

เป็นเครื่องมือการจัดฟันที่คนไข้สามารถถอดเองได้ แต่ก็สามารถจัดฟันให้มีโครงสร้างที่ดีได้เช่นกัน และมีข้อดีที่การรักษาความสะอาดช่องปากสามารถทำได้ง่าย และสามารถรับประทานอาหารได้อย่างสะดวก ซึ่งแบบออกเป็น 2 ชนิด ดังนี้

  • เครื่องมือจัดฟันถอดได้แบบดั้งเดิม ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ทำด้วยอะคริลิกและลวด โดยทันตแพทย์จะใช้แรงดึงในการเคลื่อนฟันจากลวดสปริงภายในอะคริลิก
  • เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ชนิดพลาสติกใส โดยเป็นเครื่องมือจัดฟันที่สามารถเคลื่อนฟันไปตามทิศทางที่แพทย์กำหนดได้ การจัดทำเครื่องมือต้องพิมพ์ปากแล้งส่งแบบฟันคนไข้ไปยังห้องแล็บที่ต่างประเทศ

 

การจัดฟัน จึงเป็นทันตกรรมเพื่อการแก้ไขความผิดปกติของขากรรไกรและการขึ้นของฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะมีปัญหาการสบฟันระดับไหน การจัดฟันสามารถเปลี่ยนโครงสร้างฟันให้สมบูรณ์แบบได้ รวมทั้งยังช่วยปรับโครงหน้า เปลี่ยนรูปหน้าได้ในบางกรณีอีกด้วย