การฟอกฟันขาว เป็นทันตกรรมทางการแพทย์ที่สามารถเปลี่ยนสีฟันธรรมชาติให้มีความขาวขึ้น แก้ปัญหาฟันเหลืองจากคราบต่างๆ โดยไม่มีการกรอฟัน ซึ่งสามารถช่วยขจัดคราบและเศษอาหารต่างๆ ออกไปได้ โดยเป็นวิธีที่ไม่มีอันตรายใดๆ ต่อฟัน ผลค้างเคียงที่เกิดขึ้นมีเพียงอาการเสียวฟันในระยะแรกหลังจากทำเท่านั้น ซึ่งในปัจจุบันอาการเสียวฟันลดลงอย่างมาก เพราะคุณภาพของน้ำยาและเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วยให้การฟอกสีฟันทำได้บ่อย ฟันขาวขึ้นอย่างรวดเร็วและมีอาการเสียวฟันน้อยลง
โดย ราคาของการฟอกฟันขาว ขึ้นอยู่กับตัวที่มากระตุ้นปฏิกิริยาเจลฟอกสีฟัน โดยมีรายละเอียดดังนี้
- การฟอกฟันขาวด้วยระบบเลเซอร์ ราคา 12,000 บาท
โดยเป็นการใช้แสงเลเซอร์เป็นตัวกระตุ้นปฏิกิริยาของเจลฟอกฟันขาว โดยเป็นพลังแสงที่มีประสิทธิภาพสูงแต่ให้ความร้อนต่ำ และไม่มีผลกระทบใดๆ กับฟันและเหงือก เพราะแสงเลเซอร์จะถูกปล่อยในช่วงเวลาสั้นๆ และเหมาะสม โดยใช้เวลาในการทำ 45 นาที
- การฟอกฟันขาวด้วยระบบแสงเย็น ราคา 6,000 บาท
โดยเป็นการทำงานของ LED-Cool Light ซึ่งเป็นแสงสีฟ้าที่มีความนุ่มนวล ถูกปล่อยออกมาให้มีลักษณะโค้งไปตามการเรียงตัวของฟัน สามารถกระจ่ายแสงได้อย่างทั่วถึง กระตุ้นให้เจลทำงานได้ดี และไม่มีความร้อนเกิดขึ้น ไม่ทำให้เกิดอาการเสียวฟันน้อย ใช้เวลาทำราว 1 ชั่วโมง
- การฟอกฟันขาวแบบทำด้วยตัวเองที่บ้าน ราคา 3,900 บาท
เป็นชุดฟอกสีฟันที่ประกอบไปด้วย ถาดฟอกสีฟันเฉพาะบุคคล ที่คนไข้ต้องมาพิมพ์ปากกับทันตแพทย์ที่คลินิก จากนั้นจะได้รับเจลที่ใช้ฟอกฟันขาวจะมีความเข้มข้นต่ำ โดยจะใช้งานรวมกับถาดเฉพาะบุคคล โดยใช้ระยะเวลาทำอย่างน้อย 2 สัปดาห์ ด้วยการใส่ถาดฟอกฟันขาวเวลานอนอย่างน้อยวันละ 6 ชั่วโมง
- น้ำยาฟอกฟันขาว 1,000 บาท
น้ำยาที่ใช้ในการฟอกฟันขาว เป็นสารจำพวก ไฮโดรเจน เพอร์ออกไซต์ (Hydrogen Peroxide) หรือ คาร์บาไมด์ เพอร์ออกไซด์ (Carbamide Peroxide) ไปทำปฏิกิริยากับผิวฟัน ทำให้สีที่สะสม คราบและแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในเนื้อฟันหลุดออกไป สีของฟันจึงขาวขึ้น โดยปกติแล้วฟันจะขาวขึ้น 5-7 เฉด โดยน้ำยาฟอกฟันขาวที่ให้คนไข้นำกลับไปใช้เองที่บ้านจะมีความเข้มข้นต่ำกว่าชนิดที่ทันตแพทย์ใช้ฟอกฟันขาวให้ที่คลินิก
สาเหตุที่ทำให้ฟันเหลือง
ต้นเหตุของปัญหาฟันเหลืองหรือสีขุ่นนั้นมาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็น อายุ, การติดสีภายนอกตัวฟัน ซึ่งเกิดจากคราบของอาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆ ที่เรารับประทานเข้าไป ไม่ว่าจะเป็น กาแฟ ชา การสูบบุหรี่ อาหารสีจัดๆ ผลไม้สีจัดๆ, การเปลี่ยนสีจากภายในตัวฟัน อย่างเช่นการใช้ยาปฎิชีวะ การเกิดฟันตายจากฟันผุหรืออุบัติเหตุ โรคที่เกิดจากเนื้อฟัน, การสะสมของคราบแบคทีเรียและหินปูน อันเนื่องมาจากการดูแลความสะอาดช่องปากไม่ดี
การดูแลตัวเองหลังฟอกฟันขาว
การฟอกฟันขาวเป็นการรักษาที่มีประสิทธิภาพและมีผลการวิจัยรับรองความสำเร็จถึง 98 % แต่การปฏิบัติตัวหลังจากฟอกฟันขาวไปแล้วก็ถือว่ามีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะสามารถคงสภาพความขาวของฟันไว้ได้นานแค่ไหน ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของคนไข้เอง โดยส่วนใหญ่แล้วการฟอกฟันขาวสามารถเห็นผลได้นาน 2 ปี ซึ่งมีวิธีการดูแลฟันให้ขาวอยู่เสมอดังนี้
- ลดและหลีกเลี่ยงอาหารที่จะทำให้เกิดคราบฟันบน โดยเฉพาะ 24-48 ชั่วโมงหลังฟอกฟันขาวโดยหารที่อยู่ในกลุ่มควรหลัดเลี่ยงมีดังนี้ ชา, กาแฟ น้ำอัดลม, ไวน์แดง, อาหารที่ใส่ขมิ้น, อาหารที่ใส่พริกเผา, น้ำผลไม้รสเปรี้ยวและผลไม้สีเหลืองอย่างพวก ทุเรียน, มะม่วงสุก, ฟักทอง, ขนุน รวมทั้งยาปฏิชีวนะในกลุ่มตร้าไซคลิน
- งดการสูบบุหรี่ อย่างน้อย 1 สัปดาห์หลังจากฟอกฟันขาว
- หลีกเลี่ยงอาหารที่ร้อนจัดและเย็นจัด เพื่อลดโอกาสเสี่ยงให้เกิดอาการเสียวฟัน แต่ถ้าหากเกิดอาการเสียวฟันขึ้น ก็ไม่จำเป็นต้องวิตกกังวล เพราะการเสียวฟันเป็นอาการปกติที่สามารถเกิดขึ้นได้หลังเข้ารับการฟอกฟันขาว ซึ่งบรรเทาอาการได้ด้วยการให้ยาสีฟันที่ลดอาการเสียวฟันและสามารถทานยาแก้ปวดได้ และโดยปกติแล้วอาการเสียวฟันจะหายได้เองภายใน 1-2 วัน แต่ถ้าหากว่ายังมีอาการเสียวฟันที่รุนแรงและหลายวัน ให้ไปพบแพทย์ได้ทันที
- ใน 24-48 ชั่วโมงหลังจากการฟอกฟันขาว ควรหลีกเลี่ยงน้ำยาป้วนปากและต้องใช้ยาสีฟันที่เอาไว้ดูแลฟันหลังฟอกสีโดยเฉพาะ เพื่อช่วยยืดอายุฟันขาวของคุณออกไปให้ได้นานที่สุด
- ควรแปรงฟันให้ถูกวิธี อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง และควรใช้ไหมขัดฟัน เพื่อช่วยขจัดคราบที่อยู่ตามซอกฟันให้สะอาดด้วย
- ควรมาพบทันตแพทย์เป็นประจำทุกๆ 6 เดือน เพื่อตรวจสุขภาพฟันประจำปีด้วย
การฟอกฟันขาว เป็นหนึ่งในตัวช่วยสำคัญที่ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ก็สามารถทำให้ฟันของคุณขาวขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ เพราะอยู่บนขั้นตอนการรักษาที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยสูงสุด ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณมีสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างเสน่ห์แห่งรอยยิ้มขาวสดใสและดูแลทุกรอยยิ้มของคุณให้เต็มไปด้วยความมั่นใจอีกด้วย