ฟันผุมีลักษณะอย่างไร
ฟันผุจะมีลักษณะเป็นรู หรือ มีรอยสีคล้ำๆ ถึงดำบนผิวฟัน ซึ่งเวลาเคี้ยวอาหารหรือสัมผัสไปโดนในรอยผุที่ลึกมากๆ อาจจะรู้สึกปวดได้ แล้วทำอย่างไรเราถึงจะรู้ว่าฟันเราผุ อาการฟันผุนั้นลองสังเกตได้ดังนี้
อาการฟันผุในระยะต่างๆ
-ฟันผุระยะเริ่มต้น หรือ ระยะทำลายชั้นเคลือบฟัน ฟันผุระยะเริ่มต้น จะยังไม่มีอาการเจ็บปวด หรือเสียวฟันใดๆทั้งสิ้น เพราะเป็นระยะที่กรดต่างๆเริ่มจะทำลายชั้นเคลือบฟัน แต่ถ้าเราลองสังเกตดีๆแล้ว ก็จะพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นที่ชั้นเคลือบฟันของเรา โดยเราจะสังเกตเห็นรอยสีขาวขุ่นๆ เล็กๆอยู่บนฟัน สาเหตุเกิดจากการที่กรดจะเริ่มไปทำลายชั้นเคลือบฟันให้เปลี่ยนจากสีขาวใสมันวาวเป็นสีขุ่นขาวเล็ก ๆ บริเวณผิวเรียบของฟันหรือหลุมร่องฟัน
-ฟันผุระยะที่ 2 หรือ ระยะทำลายชั้นเนื้อฟัน เป็นระยะที่กรดจากภายในปากของเราเริ่มจะกัดกร่อนลึกลงไปถึงชั้นเนื้อฟัน ซึ่งจะทำให้เกิดเป็นรอยสีเทาดำหรือสีน้ำตาลคล้ำๆ อยู่บนผิวฟัน บางทีถึงขั้นผุเป็นรูและอาจมีเศษอาหารติดอยู่ การผุของฟันระยะที่ 2 นี้จะลุกลามอย่างรวดเร็วมากกว่าในระยะแรก เพราะชั้นเนื้อฟันนั้นจะมีความแข็งแรงที่น้อยกว่าชั้นเคลือบฟัน ฟันผุในระยะที่ 2 นี้จะเริ่มมีอาการต่างๆมากขึ้น เช่นรู้สึกเสียวฟันเมื่อรับประทานของหวานจัด ของเย็นจัดหรือร้อนจัด
-ฟันผุระยะที่ 3 หรือ ระยะทำลายโพรงประสาทฟัน ระยะที่ 3 นี้เป็นระยะรุนแรงขึ้น มีการทำลายลึกถึงชั้นโพรงประสาทฟัน จะเริ่มมีอาการอักเสบของเนื้อเยื่อต่าง ๆ ภายในโพรงประสาทฟัน ทำให้เริ่มมีอาการปวดฟัน โดยอาจจะรู้สึกปวดฟันตลอดเวลาหรือปวดเป็นระยะ ๆ รวมถึงมีการที่เศษอาหารจะเข้าไปติดอยู่ในโพรงได้ง่ายขึ้น เมื่อเศษอาหารเข้าไปติดอยู่ในโพรงฟันเป็นเวลานานจะทำให้เกิดกลิ่นปากตามมาได้
-ฟันผุระยะที่ 4 หรือ ระยะทำลายปลายรากฟัน ระยะนี้คือระยะที่รุนแรงมาก เนื่องจาก เนื้อเยื่อของโพรงประสาทฟันจะถูกทำลายลุกลามไปที่ปลายรากฟันแล้ว จะรู้สึกมีอาการเจ็บ ๆ หาย ๆ เป็นช่วง ๆ เกิดเป็นโพรงหนองบริเวณปลายรากฟัน ซึ่งจะมีอาการบวมหรือมีตุ่มหนองทะลุมาที่เหงือก มีการทำลายเนื้อเยื่อรอบๆรากฟัน ส่งผลให้ฟันโยก และเชื้ออาจลุกลามเข้าสู่กระแสเลือดและระบบน้ำเหลืองของร่างกายเรา ซึ่งเป็นสาเหตุให้บางคนติดเชื้อในกระแสเลือดได้
หากเราเริ่มรู้สึกว่าฟันผุ อย่าปล่อยทิ้งไว้ให้ลุกลามนะคะ รีบมาพบทันตแพทย์เพื่อทำการรักษา
ดีกว่าค่ะ ฟันสวยๆจะได้อยู่กับเราไปนานๆ